หูฟังบลูทูธยุคนี้เสียงดีสเปคเด็ดจัดเต็มมีให้เลือกหลายแบรนด์มาก แต่จะมีรุ่นไหนน่าเล่นบ้างนะ?
หูฟังบลูทูธในตอนนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงผู้เขียนเองก็เปลี่ยนมาใช้งานหูฟังนเพราะไม่ต้องมีปัญหาเรื่องสายหูฟังรกรุงรังและยังใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงอีกด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยี Bluetooth ในปัจจุบันนี้ก็ได้รับการพัฒนาอย่าต่อเนื่องจนคุณภาพเรียกว่าดีไม่แพ้กับการฟังเพลงแบบต่อสายหูฟัง 3.5 มม. อีกด้วย
และในตอนนี้ แบรนด์หูฟังชั้นนำของโลกหลายๆ แบรนด์ก็หันมาทำหูฟังไร้สายประเภทนี้ออกมาเรื่อยๆ มีสเปคและระดับราคาหลากหลายเรทให้เลือก ซึ่งถ้าหูฟังตัวเก่าของใครที่ใช้ไปมาแล้วกำลังโทรมได้ที่จนต้องเปลี่ยนแล้วคิดว่าจะซื้อของดีให้จบทีเดียวไปเลย ตอนนี้เราก็สามารถหาซื้อหูฟังเหล่านี้ได้ในระดับราคาพันต้นๆ ไปจนตัวเด็ดระดับเรือนหมื่นได้เลย ส่วนถ้าใครสงสัยว่าเรื่องเทคโนโลยีและสเปคของหูฟังเหล่านี้ว่ามีอะไรอย่างไรบ้าง ก็สามารถอ่านในบทความ “5 หูฟัง True Wireless สเปคแจ่มเสียงดี ลงทุนแล้วใช้ได้หลายปี” ที่ผู้เขียนได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อหาข้อมูลได้เลย
6 หูฟังบลูทูธ เสียงแจ่มจากแบรนด์ชั้นนำ แนะนำให้โดน
ถ้าตอนนี้หูฟังใครกำลังเก่าได้ที่หรือว่าที่มีอยู่ยังไม่ถูกใจ อยากย้ายมาใช้หูฟังแบบมีสายล่ะก็ ณ ตอนนี้เราสามารถหาหูฟังบลูทูธคุณภาพดีจากแบรนด์ชั้นนำราคาช่วงหลักพันต้นๆ มาฟังเพลงได้แล้ว และเรื่องคุณภาพเสียงเรียกว่าดีหายห่วงเพราะไดรเวอร์หูฟังมีขนาดใหญ่ฟังเพลงได้อรรถรสอย่างแน่นอน แค่อาจจะเลือกหาสไตล์เสียงที่เข้ากับสไตล์เพลงที่เราชอบก็เพียงพอแล้ว โดยผู้เขียนได้เลือกหูฟังมาแนะนำในบทความนี้ทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
- Skullcandy Hesh 3 (2,890 บาท)
- Saramonic SR-BH600 (3,490 บาท)
- JBL Live 500BT (5,990 บาท)
- audio-technica ATH-ANC700BT (4,490 บาท)
- Beats Solo3 (7,200 บาท)
- Sony WH-1000XM4 (11,990 บาท)
1. Skullcandy Hesh 3 (2,890 บาท)
แบรนด์ Skullcandy เรียกว่าเป็นแบรนด์ที่คนชอบฟังเพลงและเล่นหูฟังมาสักพักน่าจะคุ้นหูกัน จนบางคนรักระดับเป็นแบรนด์ในใจเลยทีเดียว โดยรุ่นที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ จะเป็นรุ่น Skullcandy Hesh 3 ที่นอกจากราคาจะไม่แพงมากแล้ว คุณภาพเสียงเรียกว่าไว้ใจได้และอาจจะถูกใจใครหลายๆ คน รวมทั้งมีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ติดตั้งมาให้และพับก้านหูฟังเก็บได้สะดวกและรองรับการสั่งงาน Siri, Google Assistant, Alexa ด้วยหูฟังนี้ได้เลย
สเปคของหูฟังบลูทูธตัวนี้จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ของเราผ่านทาง Bluetooth 5.0 พร้อมปุ่มควบคุมและไฟแสดงสถานะการทำงานติดตั้งมาให้ที่ตัวหูฟังเลย แบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออน (Li-ion) ฟังเพลงแบบเปิดตัดเสียงรบกวนได้นานสุด 22 ชั่วโมง ถ้าปิดจะฟังได้นาน 30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จไว 10 นาทีฟังเพลงต่อได้อีก 4 ชั่วโมง ด้วยสาย USB-C ถ้าชาร์จจนเต็มใช้เวลา 2 ชั่วโมง ส่วนค่า Frequency response อยู่ที่ 20 Hz – 20 kHz และมีประกันการใช้งานดูแลอีก 1 ปีเต็มด้วย เรียกว่าเป็นตัวแรกที่ราคาไม่แพงและค่าตัวน่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับคนหาหูฟังบลูทูธดีๆ ไว้ฟังเพลงสักตัว
สเปคของ Skullcandy Hesh 3
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 เท่านั้น
- ค่า Frequency response อยู่ที่ 20 Hz – 20 kHz
- มีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation
- รองรับการสั่งงาน Siri, Google Assistant, Alexa
- ฟังเพลงแบบเปิดตัดเสียงรบกวนได้นานสุด 22 ชั่วโมง ถ้าปิดจะฟังได้นาน 30 ชั่วโมง
- ชาร์จไว 10 นาทีฟังเพลงได้ 4 ชั่วโมง ด้วยสาย USB-C ถ้าชาร์จจนเต็มใช้เวลา 2 ชั่วโมง
- ราคา 2,890 บาท (Power Buy)
2. Saramonic SR-BH600 (3,490 บาท)
รุ่นต่อมาที่ราคาไม่แพงเกินไปแต่คุณภาพเสียงก็ถือว่าไว้ใจได้และหลายๆ คนน่าจะชื่นชอบกันอย่าง Saramonic SR-BH600 ที่เป็นหูฟังบลูทูธที่สลับไปต่อฟังเพลงผ่านแจ็คหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation อีกด้วย รวมทั้งรองรับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกันและสลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้ง่ายอีกด้วย
ด้านสเปคของหูฟังตัวนี้จะติดตั้งไดรเวอร์คุณภาพสูงแบบเน้นเสียงเบสขนาด 40 มม. มาให้ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่านทาง Bluetooth 5.0 ที่รองรับโปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HSP, HFP, CVC ทั้งหมด และใช้แจ็คหูฟัง 3.5 มม. ก็ได้ ส่วน Audio format รองรับ SBC, AAC ทั้งคู่ ค่า Frequency response 20 – 20 kHz มีแบตเตอรี่ในตัวขนาด 400 mAh สามารถสแตนด์บายในโหมด Bluetooth ได้ 33-65 ชั่วโมง ส่วนระยะเวลาใช้งานจะแยกเป็น 3 ระดับดังนี้
- ฟังเพลงผ่าน Bluetooth และเปิดตัดเสียงรบกวน (ANC) จะฟังเพลงได้ 12 ชั่วโมง
- ฟังเพลงผ่าน Bluetooth แต่ปิดตัดเสียงรบกวน (ANC) ฟังเพลงได้ 16 ชั่วโมง
- ถ้าเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มม. และเปิดตัดเสียงรบกวน (ANC) จะฟังเพลงได้ 40 ชั่วโมง
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มจะต้องชาร์จผ่าน MicroUSB และใช้เวลา 2.5 ชั่วโมงจนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม จัดว่าเป็นหูฟังบลูทูธที่รองรับการเชื่อมต่อหลากหลายแบบและคุณภาพงานประกอบและเสียงถือว่าไม่ควรมองข้ามรุ่นหนึ่ง ซึ่งถ้าใครหาหูฟังดีๆ เอาไว้ใช้งานก็ดูรุ่นนี้เอาไว้ได้เลย
สเปคของ Saramonic SR-BH600
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 หรือสายหูฟัง 3.5 มม. ก็ได้ รองรับโปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HSP, HFP, CVC
- ค่า Frequency response อยู่ที่ 20 Hz – 20 kHz
- มีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation
- ฟังเพลงแบบเปิดตัดเสียงรบกวนได้นานสุด 16 ชั่วโมง ถ้าปิดและฟังผ่านสายหูฟังจะฟังได้นาน 40 ชั่วโมง
- ชาร์จด้วยสาย MicroUSB ชาร์จจนเต็มใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง
- ราคา 3,490 บาท (Mercular)
3. JBL Live 500BT (5,990 บาท)
คอคนฟังเพลงและเสียงเบสแน่นสะใจ หลายๆ คนน่าจะคิดถึงแบรนด์ JBL “James B. Lansing Sound, Incorporated” อย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากลำโพงคุณภาพเสียงดีที่หลายคนเลือกซื้อไปฟังเพลงแล้ว หูฟังบลูทูธเองก็น่าสนใจเช่นกัน อย่างเช่น JBL Live 500BT รุ่นที่เลือกมาแนะนำก็น่าสนใจไม่แพ้กันกับหูฟังรุ่นอื่นที่เลือกมาแนะนำเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้อีกด้วย
สเปคของหูฟังตัวนี้เรียกว่าน่าสนใจทีเดียว โดยไดรเวอร์มีขนาดใหญ่ 50 มม. เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.2 รองรับโปรไฟล์ A2DP V1.3, AVRCP V1.5, HFP V1.6, HSP V1.2 ค่า Frequency response 18 Hz – 20 kHz สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสุด 33 ชั่วโมง แม้จะเปิด ANC อยู่ก็ตาม และชาร์จเพียง 2 ชั่วโมงแบตเตอรี่ก็เต็ม รองรับการชาร์จไว 15 นาทีฟังเพลงได้อีก 2 ชั่วโมง สามารถกดเรียก Siri, Google Assistant, Alexa ได้ มีปุ่มควบคุมการทำงานติดตั้งอยู่ที่หูฟัง และมีฟีเจอร์ TalkThru สามารถคุยกับคู่สนทนาได้เลยโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกก็ได้ เวลาไม่ใช้งานก็สามารถพับหูฟังเก็บได้ด้วย เรียกว่าเป็นหูฟังไร้สายคุณภาพดีที่ผู้เขียนแนะนำให้ลงทุนซื้อมาใช้งานเลย
สเปคของ JBL Live 500BT
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.2 รองรับโปรไฟล์ A2DP V1.3, AVRCP V1.5, HFP V1.6, HSP V1.2
- ค่า Frequency response อยู่ที่ 18 Hz – 20 kHz
- มีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation กับ TalkThru สามารถคุยกับคู่สนทนาได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง
- สามารถกดเรียก Siri, Google Assistant, Alexa ได้
- ฟังเพลงแบบเปิดตัดเสียงรบกวนได้นานสุด 33 ชั่วโมง และชาร์จไว 15 นาทีฟังได้ 2 ชั่วโมง
- ราคา 5,990 บาท (Mercular)
4. audio-technica ATH-ANC700BT (4,490 บาท)
ถ้าเรื่องฟังเพลงล่ะก็ หูฟังที่คนรักเสียงเพลงชอบและเลือกมาฟังเพลงเป็นประจำก็ต้องมีหลุดชื่อ audio-technica กันบ้างแน่นอน โดยรุ่นที่น่าสนใจและส่วนตัวผู้เขียนเองก็เห็นเพจแนะนำโปรโมชั่นสินค้าราคาถูกเลือกมาแนะนำกันอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นรุ่น audio-technica ATH-ANC700BT รุ่นนี้ที่นอกจากคุณภาพเสียงจะเป็นระดับ Hi-res ตัดเสียงได้ดีงามด้วยเทคโนโลยี QuietPoint Active Noise Cancellation แล้ว ตัวหูฟังยังรองรับ Touch control ทำให้ควบคุมได้ง่ายและพับเก็บได้สะดวกอีกด้วย
สเปคของหูฟังตัวนี้ติดตั้งไดรเวอร์ขนาด 40 มม. มาให้ รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.1 รองรับ Codec ครบทั้ง aptX, AAC, SBC และโปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HFP, HSP หรือจะต่อสายหูฟัง 3.5 มม. เพื่อฟังเพลงก็ได้ ส่วนค่า Frequency response ก็ทำได้ละเอียดระดับ 5 Hz – 40 kHz ทีเดียว ดังนั้นเรื่องความถี่เสียงจัดว่าหายห่วงแน่นอน ส่วนระยะเวลาใช้งานถ้าเป็น Bluetooth ถ้าเปิด ANC จะฟังได้ 25 ชั่วโมง และปิดก็จะเพิ่มเป็น 30 ชั่วโมง แต่ถ้าต่อสายหูฟัง 3.5 มม. แล้วเปิดระบบตัดเสียงรบกวนจะฟังได้นานถึง 45 ชั่วโมงทีเดียว ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% จะต่อด้วยสาย MicroUSB และใช้เวลาชาร์จ 5 ชั่วโมง ถ้าใครเป็นสายฟังเพลงเน้นๆ ต้องการหูฟังเสียงดีได้อรรถรสล่ะก็ audio-technica ก็น่าลงทุนไม่น้อยเลย
สเปคของ audio-technica ATH-ANC700BT
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.1 รองรับโปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HFP, HSP ส่วน Codec รับครบทั้ง aptX, AAC, SBC หรือสายหูฟัง 3.5 มม.
- ค่า Frequency response อยู่ที่ 5 Hz – 40 kHz
- มีระบบตัดเสียงรบกวน QuietPoint Active Noise Cancellation พร้อม Touch control ควบคุมการทำงานของหูฟังได้
- ฟังเพลงผ่าน Bluetooth เปิดตัดเสียงรบกวนได้ 25 ชั่วโมง ถ้าปิดจะได้ 30 ชั่วโมง แต่ถ้าต่อสายหูฟังแล้วเปิดตัดเสียงรบกวนได้ 45 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มใน 5 ชั่วโมงผ่านสาย MicroUSB
- ราคา 4,490 บาท (Munkong Gadget Shopee)
5. Beats Solo3 (7,200 บาท)
ชื่อชั้นของหูฟัง Beats by Dre ที่ปัจจุบันนี้อยู่ในเครือเดียวกับ Apple แล้ว เป็นใครก็ต้องนึกถึงหูฟังสายเสียงเบสแบบเน้นๆ อย่างแน่นอน และเมื่ออยู่ในเครือของ Apple แล้ว ใครที่เอาไปใช้กับอุปกรณ์ iDevice ทั้งหลายก็มีชิป Apple W1 ที่ใช้จับคู่ระหว่างอุปกรณ์ Apple และจัดการเรื่องสัญญาณ Bluetooth ให้มีประสิทธิภาพดีสุดเสมออีกด้วย หรือถ้าใครจะเอาไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รุ่นอื่นๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน
ด้านสเปคของหูฟังตัวนี้จะเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0 ควบคุมการทำงานด้วยชิป Apple W1 ทางเดียว และใช้เรียก Siri ขึ้นมาสั่งงานได้สะดวกมาก พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้และพับเก็บได้สะดวก ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 40 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ชาร์จเร็ว Fast Fuel เพียงชาร์จผ่านสาย MicroUSB เพียง 5 นาทีก็ฟังเพลงต่อได้อีก 3 ชั่วโมงยาวๆ สำหรับอุปกรณ์ iDevice ของ Apple รุ่นที่รองรับแนะนำให้อัพเดทเป็น macOS Sierra, iOS 10, watchOS 3 หรือซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นใหม่กว่าเพื่อให้เชื่อมต่อและทำงานได้ดีที่สุดด้วย ซึ่งถ้ใครรู้สึกว่าเสียงเพลงของหูฟังซีรี่ส์ AirPods ยังไม่โดนใจนัก ก็หันมาหา Beats Solo3 ตัวนี้ก็ดีเช่นกัน
สเปคของ Beats Solo3
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0 ควบคุมการเชื่อมต่อและจับคู่กับอุปกรณ์ Apple ด้วย Apple W1
- รองรับการทำงานและเรียก Siri ขึ้นมาใช้งานได้ดี แนะนำให้อัพเดท OS เป็น macOS Sierra, iOS 10, watchOS 3 หรือใหม่กว่า
- มีระบบตัดเสียงรบกวนติดตั้งมาให้
- ฟังเพลงได้นานสุด 40 ชั่วโมง มี Fast Fuel ชาร์จผ่านสาย MicroUSB เพียง 5 นาที ฟังเพลงได้ 3 ชั่วโมง
- ราคา 7,200 บาท (Apple Thailand)
6. Sony WH-1000XM4 (11,990 บาท)
ถ้าเป็นหูฟังบลูทูธหรือเรื่องเกี่ยวกับเสียงเพลง อย่างไรก็ต้อมี Sony ให้เลือกอย่างแน่นอน โดยหูฟังบลูทูธรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม คุณภาพเสียงดีและตัดเสียงรบกวนได้โดดเด่นไม่พ้กับหูฟัง TWS อีกรุ่นของทางค่ายเลย โดยรุ่นที่เลือกมาแนะนำเป็น Sony WH-1000XM4 ที่เล่นเสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res และระบบอัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น DSEE Extreme ติดมาให้ ควบคุมการทำงานของหูฟังด้วย Touch control และมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ยังมีฟีเจอร์ Quick Attention ให้เสียงของสิ่งแวดล้อมเข้ามาในหูฟังได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก นอกจากนี้ยังรองรับ Google Assistant, Alexa แบบครบถ้วนด้วย
สเปคของหูฟังนี้จะติดตั้งไดรเวอร์อลูมิเนียมเคลือบ LCP คอยล์ CCAW ขนาด 40 มม. มาให้ มีค่า Frequency response 4 – 40 kHz รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 รองรับโปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HFP, HSP หรือสายหูฟัง 3.5 มม. และมี NFC สำหรับจับคู่หูฟังกับมือถือแบบรวดเร็ว สามารถตั้งค่าเสียงและจับคู่ได้ด้วยแอพฯ Sony | Headphones Connect ที่โหลดใน Google Play Store หรือ App Store มาใช้งานได้เลย รองรับโปรไฟล์เสียง SBC, AAC, LDAC ซึ่งเป็นโปรไฟล์เสียงคุณภาพสูง ส่วนระยะเวลาใช้งาน ถ้าเปิดตัดเสียงรบกวนจะฟังได้ 30 ชั่วโมง ถ้าปิด 38 ชั่วโมง และชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C เต็มใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น เรียกว่าเป็นหูฟังบลูทูธคุณภาพสูงที่ถึงราคาสูงก็ตามแต่คุณภาพที่ได้ก็สมราคามาก ดังนั้นถ้าใครคิดจะลงทุนซื้อหูฟังตัวนี้มาฟังเพลงก็ถือว่าคุ้มและน่าสนใจมาก
สเปคของ Sony WH-1000XM4
- เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0, สายหูฟัง 3.5 มม. และจับคู่อย่างรวดเร็วได้ด้วย NFC ตั้งค่าเสียงและการทำงานด้วยแอพฯ Sony | Headphones Connect โหลดใน Google Play Store หรือ App Store มาติดตั้งได้เลย
- รองรับ Bluetooth โปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HFP, HSP รองรับโปรไฟล์เสียง SBC, AAC, LDAC
- ค่า Frequency response 4 Hz – 40 kHz
- มีระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation กับฟีเจอร์ Quick Attention, คุมการทำงานแบบ Touch control, รองรับการทำงานร่วมกับ Google Assistant, Alexa ด้วย
- เปิด ANC ฟังเพลงได้นานสุด 30 ชั่วโมง ปิดแล้วได้ 38 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านทาง USB-C เต็มใน 3 ชั่วโมง
- ราคา 11,990 บาท (Sony Thailand)
สรุปสเปคหูฟังบลูทูธ 6 รุ่นน่าโดน จัดแล้วจบฟังเพลงฟิน
สำหรับคนที่วางแผนว่าจะหาหูฟังบลูทูธตัวใหม่มาฟังเพลง และได้อ่านจุดเด่นของหูฟังรุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำแล้ว จะเห็นว่าแต่ละแบรนด์ก็มีราคาต่างกันไปตามฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาให้ใช้งาน หากเอาสเปคมากางเทียบกันแล้วจะเป็นดังนี้
สเปคหูฟังบลูทูธ | การเชื่อมต่อและฟีเจอร์พิเศษ | Frequency response | Assistant ที่รองรับ |
ระยะเวลา ใช้งาน |
ราคา |
Skullcandy Hesh 3 | Bluetooth 5.0 Active Noise Cancellation |
20 Hz – 20 kHz | Siri Google Assistant Alexa |
เปิดตัดเสียงรบกวนฟังได้ 22 ชั่วโมง ปิดตัดเสียงรบกวน 30 ชั่วโมง ชาร์จไว 10 นาที ฟังเพลงได้ 4 ชั่วโมง |
2,890 บาท |
Saramonic SR-BH600 |
Bluetooth 5.0 สายหูฟัง 3.5 มม. Active Noise Cancellation |
20 Hz – 20 kHz | – | เปิดตัดเสียงรบกวนฟังได้ 16 ชั่วโมง ปิดตัดเสียงรบกวนและฟังผ่านสายหูฟังได้ 40 ชั่วโมง |
3,490 บาท |
JBL Live 500BT | Bluetooth 5.0 Active Noise Cancellation TalkThru สามารถคุยกับคู่สนทนาได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง |
18 Hz – 20 kHz | Siri Google Assistant Alexa |
เปิดตัดเสียงรบกวนฟังได้ 33 ชั่วโมง ชาร์จไว 15 นาทีฟังได้ 2 ชั่วโมง |
5,990 บาท |
audio-technica ATH-ANC700BT | Bluetooth 4.1 สายหูฟัง 3.5 มม. QuietPoint Active Noise Cancellation Touch control |
5 Hz – 40 kHz | – | เปิดตัดเสียงรบกวน ฟังผ่าน Bluetooth ได้ 25 ชั่วโมง ปิดตัดเสียงรบกวนได้ 30 ชั่วโมง ต่อสายหูฟังและเปิดตัดเสียงรบกวนได้ 45 ชั่วโมง |
4,490 บาท |
Beats Solo3 | Bluetooth 4.0 มีระบบตัดเสียงรบกวน |
– | Siri | ฟังเพลงได้นานสุด 40 ชั่วโมง Fast Fuel ชาร์จ 5 นาที ฟังได้ 3 ชั่วโมง |
7,200 บาท |
Sony WH-1000XM4 |
Bluetooth 5.0 สายหูฟัง 3.5 มม. Active Noise Cancellation ฟีเจอร์ Quick Attention Touch control คุมการทำงานด้วยแอพฯ Sony | Headphones Connect |
4 Hz – 40 kHz | Google Assistant Alexa |
เปิดตัดเสียงรบกวน ฟังผ่าน Bluetooth ได้ 30 ชั่วโมง ปิดตัดเสียงรบกวนได้ 38 ชั่วโมง |
11,990 บาท |
สุดท้าย การเลือกหูฟังใหม่สักตัว นอกจากเรื่องสเปคก็ยังมีเรื่องบุคลิคและสไตล์เสียงให้เราเลือกอีกด้วย ซึ่งเรื่องสไตล์เสียงนั้นจัดเป็นเรื่องปัจเจกของแต่ละคนว่าชอบฟังเพลงแบบไหน ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำให้ลองหาหูฟังรุ่นนั้นๆ มาฟังก่อนตัดสินใจซื้อก่อนจะดีที่สุด หรือถ้าวางใจแบรนด์ไหนแล้วคิดว่าไม่ต้องฟังก็ได้ ซื้อมาใช้เลยเพราะเสียงดีแน่ๆ ไม่ต้องคิดมากจะลองซื้อมาใช้แบบเสี่ยงดวงกันดูก็น่าสนุกเช่นกัน